เส้นทางของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูกพูดถึงอย่างมากนับตั้งแต่วันรับตำแหน่งรักษาการผู้จัดการทีมปิศาจแดงเมื่อปลายปี 2018

เข้ามาในฐานะคนกู้วิกฤต พร้อมผลงานยอดเยี่ยมจนชวนให้หลายคนกล่าวถึง และทึ่งกับสถิติที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่แปลกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมอบสัญญาคุมทีม 3 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2019

ตอนนั้นหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า อดีตกองหน้าระดับตำนานชาวนอร์เวย์รายนี้ จะสามารถปลุกปิศาจแดงที่กำลังเป๋ได้หรือไม่ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว ผีแดง กำลังถอยหลังเข้าคลองพร้อมผลงานที่ชวนส่ายหน้า

แต่ฟอร์มการเล่นหลังจากนั้นกลับทำให้ทุกๆ คนพูดถึงเป็นอย่างมาก โซลชา เข้ามาปรับเปลี่ยนทีมให้ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยชัยชนะตลอด 8 เกมแรกที่ลงสนาม

ผลงานยังคงดำเนินไปในทิศทางที่ดี จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2019 สโมสรตัดสินใจมอบสัญญาถาวรให้ โซลชา และนั่นคือจุดเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้การนำของกุนซือชาวนอร์เวย์

สโมสรดูจะเชื่อใจ ตำนานกองหน้ารายนี้อย่างมาก พวกเขาฝากอนาคตไว้ในมืออดีตหัวหอกหน้าทารกด้วยเดิมพันที่สูงมาก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะมาพร้อมความคาดหวังที่สูงตามไปด้วย ซึ่งสะท้อนได้ดีจากผลงานที่ค่อยๆ แกว่งและเป๋ในช่วงท้ายซีซั่นดังกล่าว

หลายคนยังมองโลกในแง่ดี ส่วนใหญ่มองว่า โซลชา ยังไม่มีทีมที่ต้องการที่สำคัญคือการเข้ามารับช่วงต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่การเสริมทีมในหน้าร้อนปี 2019

จุดแรกที่ โซลชา พยายามปรับปรุงคือแนวรับ อารอน วาน-บิสซาก้า และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถูกดึงเข้ามาพร้อมสร้างผลงานที่ดีตั้งแต่ฤดูกาลแรก แต่นั่นดูเหมือนไม่พอเพราะทีมยังเจอปัญหาในการสร้างเกมรุกที่ขาดตัวสร้างสรรค์

ปลายเดือนมกราคม 2020 การมาของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะตัว โซลชา ที่ได้รับอานิสงส์จากผลงานของกองกลางโปรตุเกสซึ่งช่วยให้ทีมคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีคำถามจากแฟนบอลปิศาจแดงที่สงสัยว่า โซลชา จะคือคนที่ใช่ตามที่สโมสรคิดไว้หรือไม่ เพราะผลงานที่เกิดขึ้นยังคงวนเวียนในวัฏจักรเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ชนะติดต่อกัน กลับมาสะดุดแพ้หรือเสมอสลับไป ทำให้ผลงานที่เหมือนจะดีแต่ก็ดีไม่สุด และไม่สามารถผลักดันให้ทีมก้าวข้ามขีดจำกัดได้

กระนั้นสโมสรยังคงเชื่อมั่นในตัว โซลชา ดูจากบทสัมภาษณ์ต่างๆ ภายในทีมตั้งแต่บอร์ดบริหารไปจนถึงนักเตะที่ต่างหนุนหลังกุนซือรายนี้อย่างต่อเนื่อง พวกเขามองว่าทีมมีพัฒนาการที่ดีด้วยการจบที่ 3 ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกแบบเต็มตัวของ โซลชา นอกจากนั้นในฤดูกาลที่ผ่านมายังสามารถพาทีมขับเคี่ยวแชมป์อยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะจบในฐานะทีมอันดับ 2 ของลีก นั่นสโมสรมองว่าคือการเดินหน้าที่เห็นได้ชัดเจน

แม้ทีมจะอกหักพลาดท่าในรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไขว้เขว พวกเขาจัดการมอบสัญญาฉบับใหม่ให้ โซลชา ที่เพิ่งประกาศไปก่อนหน้านี้ 1 วัน

“แน่นอนผมตื่นเต้น ยินดีอย่างมากที่ได้รับความไว้วางใจให้นำทีมทีมนี้และจัดการทีมนี้อีกครั้ง” โซลชา กล่าวหลังจากข่าว การต่อสัญญาถูกประกาศออกไป

“มันเป็นเกียรติ พวกเราเป็นกลุ่มที่ดี ที่อยู่ร่วมกัน พวกเราทำงานร่วมกันได้ดี พวกเราเข้ากันได้ดี ท้าทายกันและกัน และแน่นอนว่ากับบรรดานักเตะในทีมรวมไปถึงวิธีการที่พวกเขาพัฒนาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น”

อย่างที่เรียนไปข้างต้นแล้วว่า การแต่งตั้ง โซลชา ไล่มาจนถึงการต่อสัญญาฉบับใหม่สะท้อนให้เห็นว่าบอร์ดบริหารพร้อมฝากอนาคตไว้ในมือกุนซือวัย 48 ปี

ปัจจัยหลายๆ อย่างหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทั้งพัฒนาการของทีมที่สโมสรมองว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไหนจะเรื่องการเสริมทีมที่เริ่มเข้ารูปเข้ารอยโดยเฉพาะการคว้าตัว เจดอน ซานโช่ เข้ามาเสริมแนวรุกทำให้ ปิศาจแดง ในยุค โซลชา น่าจับตามองกว่า 2 ซีซั่นที่ผ่านมาเสียอีก

นอกจากนั้นหากลองมองไปถึงสถิติตัวเลขในส่วนของการเก็บคะแนนในเวทีพรีเมียร์ลีก โซลชา กลายเป็นกุนซือที่เก็บแต้มได้มากที่สุด 180 คะแนนจาก 97 เกม ซึ่งน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (221) และ ลิเวอร์พูล (217) สองสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีกช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น

ยังมีปัจจัยในเรื่องของบุคลิกการทำงานที่ดูจะเป็นที่ถูกใจ ของสโมสรและบรรดาทีมงานในส่วนต่างๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า โซลชา มักจะเปล่งออร่าที่ดูแล้วน่าทำงานด้วยออกมา เพราะกุนซือรายนี้จะยิ้มแย้มเสมอในช่วงซ้อม และคอยให้กำลังใจมากกว่าตำหนิผู้เล่นผ่านสื่อแบบตรงๆ ซึ่งถือเป็นการรักษาน้ำใจลูกทีม

แน่นอน มีบ้างที่ โซลชา อาจจะตำหนิ แต่เรื่องที่เขาเอ่ยออกมา มันคือความเป็นจริงและเป็นสิ่งที่แฟนบอลเห็นเช่นเดียวกัน และมันไม่ได้เกินเลยไปถึงเรื่องส่วนตัว หรือก่อให้เกิดความบาดหมางแต่อย่างใด …

… สิ่งที่ตามมาหลังจากการต่อสัญญา คือการทำงานในซีซั่นใหม่ที่มีความคาดหวังมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านๆ มา ก้าวย่างต่อไปจะถูกจับตามองใกล้ชิดกว่าเดิม ทุกๆ เกมที่ลงสนามจะถูกจับจ้องมากยิ่งขึ้น

ถึงตรงนี้อนาคต ผีแดง จะอยู่ในมือของชายที่ชื่อ โซลชา ต่อไป ซึ่งน่าสนใจว่ารูปร่างหน้าตาและความเป็นไปของทีมจะออกมาแบบไหน โดยเฉพาะกำลังเสริมที่ (กำลัง) จะเข้ามาเพิ่มเติมหลังจากนี้คือคำถามสำคัญว่าจะสามารถยกระดับทีมให้ไปได้ไกลเพียงใด

เรื่องดังกล่าวยังมาพร้อมกับ คำถามในส่วนของความสำเร็จ ที่จับต้องได้ สองฤดูกาลที่ผ่านมาอาจจะเป็นเรื่องน่าพอใจ ในมุมของการพัฒนาทีม แต่สำหรับแฟนบอลแล้ว พวกเขาต้องการแชมป์ที่จับต้องได้ ถ้วยแชมป์ที่จะเข้ามาเยียวยาจิตใจ ที่ห่อเหี่ยวซึ่งปราศจากการเฉลิมฉลองมาตั้งแต่ปี 2017

แชมป์ที่เขาต้องพาทีมพุ่งชน หลังจากพลาดหวังในฤดูกาลที่ผ่านมา และทำให้งานในซีซั่นนี้ของ โซลชา จะยากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แต่สำหรับกุนซือวัย 48 ปีมันคงไม่ต่างจากตัวจุดประกายให้ให้ไฟแห่งความปรารถนาลุกโชนอีกครั้ง เพราะมันคือภารกิจ ที่เขาประกาศไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเป็นคำมั่นที่มอบให้ ไว้หลังจากการต่อสัญญา

เส้นทางหลังจากนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ ว่าท้ายที่สุดแล้ว โซลชา คนที่สโมสรมอบความไว้วางใจจะสามารถพาทีม ไปถึงเส้นชัยตามที่หวังไว้ได้หรือไม่

คลิกเลย >>> UFABETWINS
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล