UFABETWINS 1 ตุลาคม เป็นวันผู้สูงอายุสากล และถ้าหากเราจะพูดถึงนักกีฬาที่เหมาะสมกับวันนี้ที่สุด คงหนีไม่พ้น คาซุโยชิ มิอุระ หรือ “คิง คาซู”

ตำนานนักเตะของญี่ปุ่นวัน 54 ปี นี่ยังคงเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ และยังเล่นในลีกระดับสูงสุด ระดับเดียวกับที่นักเตะไทยอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา ค้าแข้งอยู่อีกด้วย อะไรทำให้เขายังอยู่ในวงการได้อย่างยาวนาน ร่างกายของเขามันมีอะไรผิดปกติตรง

ไหนหรือไม่ ? หรือความกระหายของเขาจะหมดไปเมื่อไหร่ ? และอะไรที่ทำให้เขายังเล่นฟุตบอลอาชีพได้อยู่ แบกความหวังตั้งแต่วัยหนุ่ม คาซุโยชิ มิอุระ ไม่ใช่นักเตะที่โด่งดังในระดับสากลหากจะเอาไปเทียบกับรุ่นน้องชาวญี่ปุ่นอย่าง ชินจิ คางาวะ หรือ ฮิเดโตชิ นาคาตะ

เขาแทบไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์ ไม่เคยเป็นตัวหลักแบบมีผลงานจับต้องได้ตอนค้าแข้งในยุโรป แต่เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเรียกเขาว่า “คิง คาซู” มันมีเหตุผลมาจากการเสียสละในฐานะผู้กรุยทางให้กับผู้เล่นญี่ปุ่นยุคหลัง ๆ นั่นเอง คาซู เล่นฟุตบอลตั้งแต่ที่ฟุตบอลญี่ปุ่นยังไม่มีลีกอาชีพ

และตั้งใจตั้งแต่วันนั้นว่าเขาจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่นให้ได้ และเรื่องนี้มีที่มา “พ่อของผมอยู่ที่เม็กซิโกในปี 1970 เขาไปดูฟุตบอลโลก พ่อไม่ได้ไปดูเปล่า ๆ แต่ถ่ายภาพการแข่งขันด้วยกล้องขนาด 8 มม. ตอนนั้น เปเล่ ยังเล่นฟุตบอลอยู่ด้วย วีดีโอของพ่อคือ

สิ่งที่ทำให้ผมรู้จักฟุตบอล และเติบโตจากการดูพวกมันเหล่านั้น” คาซู กล่าวกับ BBC การติดตาม เปเล่ ทำให้ คาซู ชื่นชอบทีมชาติบราซิลเป็นชีวิตจิตใจ เขาดูการเล่นของ เปเล่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นเองทำให้เขาคิดว่าอยากจะเป็นนักฟุตบอล และฝันใหญ่กว่าการเป็นนักฟุตบอล

ในประเทศด้วยซ้ำ คาซู เผยว่าเขาอยากจะไปเล่นฟุตบอลที่บราซิล “ผมกลายเป็นแฟนฟุตบอลทีมชาติบราซิล ผมอยากเป็นนักเตะอาชีพตั้งแต่จำความได้แล้ว” เขาว่าต่อ เขาทั้งดูวีดีโอ ขยันฝึกซ้อมเพื่อจะเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ แต่ ณ เวลานั้น เจลีก ยังไม่ปรากฎบนหน้าประวัติศาสตร์

ฟุตบอล (เจลีก เริ่มเป็นอาชีพในปี 1993) ทำให้เขาไม่สามารถสานฝันได้หากยังเล่นอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป เขาจึงแสดงความกล้าหาญและเดิมพันอนาคตตัวเองด้วยการลาออกจากโรงเรียน และย้ายไปแสวงโชคที่ บราซิล ดินแดนฟุตบอลสไตล์แซมบ้าที่เขายกย่องมาตั้งแต่จำความได้

“ผมไม่รู้เลย (เกี่ยวกับอนาคต) ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน แต่นักฟุตบอลคืออาชีพเดียวที่ผมอยากเป็น” ที่บราซิล เขาได้เซ็นสัญญากับทีม คลับ แอตเลติโก ยูเวนตุส และไม่ประสบความสำเร็จมากมายนัก แต่สิ่งที่เขาได้คือการเรียนวิชาชีวิต การอยู่ในสังคมที่แตกต่างด้านวัฒนธรรม

คาซู เปิดรับสิ่งแปลกใหม่และปรับตัว เขาย้ายไปเล่นกับอีกหลายทีมในบราซิลรวมถึง ซานโต๊ส ทีมเก่าของ เปเล่ ด้วย แม้ที่บราซิล คาซู จะไม่ได้โด่งดัง แต่เมื่อฟุตบอลญี่ปุ่นเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง คาซู ก็กลับมาเล่นให้กับทีม เวอร์ดี้ คาวาซากิ (โตเกียว เวอร์ดี้ ในปัจจุบัน) ในปี 1990 ก่อนที่

UFABETWINS

ในปี 1993 ซึ่งญี่ปุ่นมีลีกฟุตบอลอาชีพครั้งแรก เขาแสดงถึงระดับที่แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นในลีกอย่างลิบลับ การันตีด้วยรางวัล MVP คนแรกในประวัติศาสตร์ของ เจลีก อีกด้วย ณ ตอนนั้นเองที่ญี่ปุ่นก็เกิดกระแส คาซู ฟีเวอร์ เมื่อเขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในประเทศ เขาก็ถูกผลักดัน

จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะการผลักดันไปเล่นให้กับทีม เจนัว ใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 1994 ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นนโยบายทางการตลาดของ Kenwood บริษัทเครื่องเสียงสัญชาติญี่ปุ่น ที่เป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกของ เจนัว ในตอนนั้น การมาอิตาลี ของ คาซู อาจจะพูดได้ไม่เต็ม

ปากว่าประสบความสำเร็จเพราะเขายิงได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น จากการลงเล่นทั้งหมด 23 เกม แถมเจนัวยังตกชั้นอีกต่างหาก แต่สำหรับชาวญี่ปุ่น แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาชอบดูฟุตบอล อิตาลี มากขึ้น จนนำไปสู่ยุคของ ฮิเดโตชิ นาคาตะ หรือ ชุนซุ นาคามูระ ในอีกหลายปี

ให้หลัง “ส่วนสำคัญคงเป็นเพราะเขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งที่เหลือเชื่อ เขาไปบราซิลคนเดียวตั้งแต่ยังวัยรุ่น สู้ชีวิตในต่างแดน และเมื่อบวกกับคนญี่ปุ่นที่ทำงานหนักชอบเอาชนะความลำบากเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นช่วงสำคัญมาก เพราะตอนนั้น เจลีก ลีกอาชีพ

กำลังจะก่อตัวขึ้นพอดี” ฌอน แคร์โรลล์ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่นกล่าวถึง คาซู “ผมไม่ได้พูดเกินจริงนะ สถานะของเขาในเวลานั้นยิ่งใหญ่กว่านักบอลไปอีกหนึ่งระดับ ยังไงดีล่ะผมว่าเขาเหมือนร่างทรงของ มาราโดน่า น่ะ ใครที่พูดถึงเขาก็จะพูดเหมือนกับว่าเขาคือ

คนที่หลุดมาจากเทพนิยาย แม้ไม่ใช่เทพก็ถูกยกย่องเหมือนเป็นเทพดี ๆ นี่เอง” ทั้งหมดนี้คือภารกิจของ คาซู ที่เป็นผู้สร้างกระแสฟุตบอลให้บูมในญี่ปุ่น เปิดตำนานถากถางอุปสรรค และสร้างความเชื่อมันให้นักเตะญี่ปุ่นรุ่นหลัง ๆ รู้ว่า “จงกล้าที่จะออกไปเผชิญโลกกว้าง”

เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่ตนเอง แต่มันหมายถึงวงการฟุตบอลญี่ปุ่นเลยทีเดียว ยังไม่หยุดแม้พิสูจน์ทุกอย่าง ภารกิจผู้บุกเบิกของ “คิง คาซู” สำเร็จลุล่วงไปอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ นาคาตะ, นาคามูระ หรือ คางาวะ เท่านั้น นักเตะญี่ปุ่นตบเท้าไปลุยต่างแดนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ยิ่งระยะหลัง ๆ พวกเขาส่งออกนักเตะตั้งแต่วัยทีนเอจ อันเป็นการพัฒนาบุคคลที่ยั่งยืนที่สุด จนทุกวันนี้มีนักเตะญี่ปุ่นในลีกดังของยุโรปนับจำนวนไม่ถ้วนเลยทีเดียว อันที่จริง หาก คาซู จะแขวนสตั๊ด เขาก็สามารถทำได้ตั้งแต่ปี 1998 ที่พลาดโอกาสไปเล่นฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส

ทั้ง ๆ ญี่ปุ่น ผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นในรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก เพราะตอนนั้นเขาก็เข้าสู่วัยเลข 3 และมีคลื่นลูกใหม่หลายลูกเข้ามาแทนที่ แต่เขาไม่เลิก การจบสวย ๆ แบบตำนานให้คนจดจำไม่ใช่สิ่งที่เขาฝันไว้ สำหรับ คาซู ฟุตบอลไม่ใช่งานและไม่ใช่การออกกำลังกาย

UFABETWINS

แต่มันคือความรักและความบ้าคลั่งที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมหันหลังให้กับมันสักที แม้วันนี้จะอายุ 53 ปี แล้วก็ตาม คาซู ในฐานะนักเตะของทีม โยโกฮาม่า เอฟซี เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเองรู้ว่าร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งและปราดเปรียวเหมือนแต่ก่อน

แต่สิ่งที่เขาทำได้คือการสนุกกับสิ่งที่ฟุตบอลมอบให้เขา แม้จะโด่งดังเป็นถึงตำนาน เรียกได้ว่าเป็นซีเนียร์ที่สมควรได้รับการยกเว้นในบางเรื่อง แต่ คาซู ยังคงเรื่องวินัยอันเข้มข้นเหมือนเคย เขาไม่เคยถืออภิสิทธิ์เหนือใคร และยังลงซ้อมอย่างจริงจังร่วมกับนักเตะรุ่นหลาน ทุกวันนี้

คาซู รับค่าเหนื่อยกับ โยโกฮาม่า เอฟซี ราว 40 ล้านเยน (ราว 11 ล้านบาท) ต่อปี และเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของทีม นั่นแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เขามีต่อทีม และเช่นเดียวกันที่ว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามแสดงความมุ่งมั่นออกมาตลอดเวลาให้สมกับค่าจ้างที่ได้

รับ “คาซู ยังวิ่งได้สบายมาก เราเห็นเขาร่วมฝึกซ้อมและทำกายภาพบำบัดทุกวัน เขาตามทุกคนทัน และไม่เคยโดดซ้อมเลย แถมยังเป็นคนที่มาถึงสนามซ้อมก่อนเวลา 1 ชั่วโมง เขาจะยืนคู่กับ เทรนเนอร์ส่วนตัว และเริ่มทำการฝึกในแบบของตัวเองไปก่อน ขณะที่ตัวผมเองกำลังนั่งกิน

แซนด์วิช คาซู ก็ซ้อมส่วนตัวไปแล้วครึ่งชั่วโมง” คัลวิน จอง เพื่อนร่วมทีมของ คาซู เผยเบื้องหลังความฟิตของ คาซู ในวัยคุณลุง อย่างที่ได้กล่าวไป คาซู มีโค้ชฟิตเนสส่วนตัวคอยแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย มีความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมและดูแลตัวเองอย่างดี ในกีฬาที่

ต้องใช้ร่างกายปะทะ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อทำให้ตัวเองอยู่กับทีมในฐานะ “ทีม” ไม่ใช่นักเตะสิทธิ์พิเศษให้ใครว่าได้ เหนือสิ่งอื่นใดคำว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” นั้นถือว่าเป็นเคล็ดลับของ คาซู อย่างแท้จริง ความสนุก ความบ้า และคลั่งไคล้ที่มีต่อฟุตบอลของ

เขาไม่เคยหมดลงง่าย ๆ เรื่องนี้ อลัน กิบสัน บรรณาธิการของนิตยสาร Jsocccer ที่เคยเห็นคาซูมาตั้งแต่ยุค 90s ยังยอมรับด้วยตัวเองว่า ตัวแขานั้นได้แต่คิดว่าสักวันแพชชั่นที่มีต่อฟุตบอลของ คาซู จะหมดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยได้เห็นซักที นี่คือคุณสมบัติที่เขา

ไม่เคยเห็นในนักเตะคนไหน “ผมสงสัยว่าเขาจะรักษาความกระหายแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน พ่อหนุ่มคนนี้มีแรงจูงใจเต็มเปี่ยม ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้ คนที่รักฟุตบอลมีอยู่มากมายทั่วโลก แต่สำหรับเขาผมคงใช้คำว่า ‘บ้าคลั่ง’ ถึงจะเหมาะสม” กิบสัน เริ่มร่ายยาว “บางครั้งผมได้ยินเรื่อง

ราวของเขาและทำให้ประหลาด เรื่องมันมีอยู่ว่าในช่วงเวลาของเกมสำคัญ ๆ คาซู จะขอแยกตัวออกจากครอบครัว เพราะต้องการให้ความสำคัญกับฟุตบอลเป็นพิเศษ เขาต้องการสมาธิจนถึงขั้นนั้น คุณนึกภาพความบ้าขนาดนี้ออกไหมล่ะ ?” มองกว้าง ๆ อย่างเข้าใจ สิ่งทั้งหมดที่เรากล่าว

มาอาจจจะเป็นเพียงเรื่องรายละเอียดส่วนบุคคลที่ทำให้ คาซู ยังคงลงเล่นฟุตบอลอาชีพ แถมยังเป็นระดับสูงสุดของประเทศได้แบบเหลือเชื่อ แต่หากจะมองกว้างตามบริบทสังคมญี่ปุ่น เรื่องนี้สามารถเป็นเหตุผลประกอบที่สมเหตุสมผลสุด ๆ กล่าวคือสังคมญี่ปุ่นนั้นเหมาะสมกับการทำให้

ประชากรในประเทศแข็งแรง และมีอายุยืน พวกเขากินอาหารที่มีไขมันประกอบน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นผักและปลา และยังเน้นอาหารที่มีตามฤดูกาล จึงทำให้มีความสดและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก สำหรับอาหาร 1 ชุดมักจะประกอบด้วยสารอาหารที่ครบ 5 หมู่ อาทิ ข้าวสวย,

ปลาย่าง, ซุปเต้าเจี้ยว (มิโสะ), ผักต้ม รวมถึงมีน้ำชาร้อนที่สามารถขับไล่ไขมันในลำไส้ได้อีก ซึ่งแค่การกินของเหล่านี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โรคที่จะมาเยือนในวัย 50-60 บวก ๆ อย่างโรคหัวใจ, ความดัน, เส้นเลือดในสมอง ก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลงอีกด้วย เรียกได้ว่า

ไลฟ์สไตล์การกินของชาวญี่ปุ่นเหมาะกับวลี “You are what you eat” โดยแท้จริง เท่านั้นยังไม่พอ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีลักษณะในการเดินเหมือนกัน นั่นคือพวกเขา “เดินเร็วมาก” เพราะพวกเขาให้สำคัญกับการเดินมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พวกเขาใช้วิธีเดินไปขึ้นระบบขนส่งมวลชนในชีวิต

ประจำวันมาจนเคยชิน เมื่อทำจนเป็นกิจวัตรก็กลายเป็นคนที่กระฉับกระเฉงอีกด้วย สังคมผู้สูงอายุยังมีการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐเสมอ มีการจัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุทั้งการออกกำลังกาย การแนะนำเส้นทางสำหรับเดินเท้าที่ชัดเจน มีกิจกรรมกลุ่ม ให้ผู้สูงอายุได้ออก

กำลังกายทางอ้อมและยังได้ออกมาพบเจอสังคม ทำให้สุขภาพจิตดีกว่าการอยู่เฉย ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นชนชาติที่อายุยืนที่สุดในโลก ผู้สูงอายุมีอายุเฉลี่ยถึง 84.2 ปีเลยทีเดียว หลายอย่างประกอบหลอมรวมขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้ชาวญี่ปุ่นมีสุขภาพ

แข็งแรง และมันสะท้อนมาถึงวงการฟุตบอลที่มีนักเตะอายุแตะหลัก 40 ปี หลายคน ลงเล่นในลีกสูงสุดอย่างหน้าตาเฉย นอกจาก คาซู แล้วยังมีทั้ง

ชุนซุเกะ นาคามูระ, ชินจิ โอโนะ, จุนอิจิ อินาโมโตะ, เคงโงะ นาคามูระ และอีกมากมายหลายคนที่อายุมากแล้วแต่ก็ยังลงเล่นเหมือนกับคนหนุ่มๆ อีกด้วย

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล